
ในวันที่ใครๆ ก็อยากเปิดร้านขายน้ำ เปิดร้านบุฟเฟ่ต์ หรือขยับขยายธุรกิจอาหาร-เครื่องดื่ม
คำถามหนึ่งที่ได้ยินบ่อยมากจากเจ้าของร้านหน้าใหม่คือ…
“เครื่องกดน้ำหวานมือ 2 จะพอใช้งานไหวมั้ย หรือควรซื้อเครื่องใหม่ไปเลยดีกว่า?”
ยิ่งช่วงที่เศรษฐกิจมันซบเซาแบบนี้ การประหยัดเงินก็ย่อมมาก่อนเป็นธรรมดา
แต่การตัดสินใจเลือกซื้อ “เครื่องมือหนึ่ง” หรือ “เครื่องมือสอง” ไม่ได้วัดกันแค่เรื่องราคา
เพราะจริงๆแล้ว มันมีรายละเอียดที่ถ้ามองข้ามไป ก็อาจกลายเป็นภาระมากกว่ากำไรในระยะยาวได้เลย
เครื่องกดน้ำหวานมือสองประหยัดจริง แต่มีอะไรซ่อนอยู่?
เครื่องกดน้ำหวานมือ 2 ฟังดูน่าสนใจมากในแง่ราคา เพราะเครื่องที่มีราคาถูกกว่ามือ 1 เกือบครึ่งแถมใช้งานได้จริงก็มีให้เห็นเยอะแยะ ดูเผินๆแล้วจะเหมาะเหมาะกับร้านที่เพิ่งเริ่มต้น ยังไม่รู้ว่าธุรกิจจะไปได้ไกลแค่ไหน
หลายคนเลือกเครื่องมือ 2 เพราะ
- ต้นทุนไม่เยอะ
- อยากลองขายดูเฉยๆ ยังไม่ชัวร์ว่าจะทำยาวแค่ไหน
- หรือบางทีก็มีเครื่องรุ่นเก่าที่ยังใช้ดี แต่เลิกผลิตไปแล้ว
แต่ในความถูกนั้นมันก็มี “ข้อควรระวัง” แฝงมาด้วย เช่น
- เครื่องบางตัวผ่านการใช้งานหนักมาแล้ว พอรับมาใช้อีกไม่นานก็เริ่มรวน
- ระบบทำความเย็นไม่เสถียร กดน้ำทีออกน้ำอุ่น
- หรือที่แย่กว่านั้นคือ สุขอนามัย — ถ้าร้านเดิมล้างไม่ดี คราบ น้ำตาลเหนียว หรือเชื้อราที่ซ่อนอยู่ก็กลายเป็นระเบิดเวลาที่คุณต้องแบบรับความรับผิดชอบไปเต็มๆ
มือหนึ่งแพงกว่า แต่มั่นใจกว่า
พูดถึงเครื่องกดน้ำหวานมือ 1 เราก็ต้องยอมรับว่ามันไม่ใช่ของราคาถูก แต่สิ่งที่คุณได้แน่ๆ คือ ความสบายใจ ใช้งานได้เลย ไม่ต้องลุ้น ไม่มีเสียงประหลาดๆจากเครื่อง ไม่มีคราบ หรือกลิ่นหลงเหลือมาจากเจ้าของเดิม
เหมาะกับร้านที่ขายจริงจัง และให้ความสำคัญต่อสุขอนามัยเป็นพิเศษ เช่น
- ร้านที่เปิดขายทุกวัน
- ขายในโรงเรียน ศูนย์อาหาร หรือห้างที่ภาพลักษณ์ความสะอาดเป็นสิ่งสำคัญ
- หรือร้านบุฟเฟ่ต์ที่ลูกค้าเติมน้ำเองตลอดเวลา — เครื่องต้องทน ต้องนิ่ง
มือหนึ่งยังมีข้อดีตรงที่
- มีประกัน
- ถ้าเสียก็มีศูนย์บริการ หรือทีมช่างคอยช่วยเหลือ
- และถ้ามีงบสั่งนำเข้า ก็สามารถเลือกรุ่นที่ฟังก์ชันครบครันกว่ารุ่นเก่าๆ ได้ด้วย
แล้วเหล่าเจ้าของร้านทั้งหลายควรเลือกแบบไหนดี?
ถ้าให้พูดแบบไม่อ้อมค้อม เครื่องกดน้ำหวานมือ 2 เหมาะกับคนที่…
- เพิ่งเริ่มขาย
- ยังไม่มั่นใจว่าจะทำธุรกิจนี้นานแค่ไหน
- หรือแค่ต้องการเครื่องมาเสริมร้านช่วงเทศกาลต่างๆ
แต่ถ้าคุณขายทุกวัน ขายในสถานที่ที่ความสะอาดเป็นเรื่องใหญ่ หรือไม่อยากปวดหัวซ่อมบ่อย
ผมแนะนำให้ลงทุนซื้อเครื่องมือหนึ่งไปเลย มันอาจจะแพงตอนซื้อ แต่คุ้มค่าในระยะยาว
โดยเฉพาะถ้าคุณรู้ว่ายอดขายมันจะกลับมาคืนทุนได้ภายในไม่กี่เดือน
ก่อนซื้อ ลองถามตัวเองด้วย 5 ข้อนี้
- ขายชั่วคราว หรือขายจริงจัง?
- มีงบเผื่อซ่อมถ้าเครื่องมือ 2 พังมั้ย?
- มีคนช่วยล้าง ทำความสะอาดดูแลเครื่องทุกวันหรือเปล่า?
- ร้านคุณอยู่ในที่ๆ ลูกค้าคาดหวังความสะอาดระดับไหน?
- ถ้าเครื่องเสียกลางวันขาย คุณมีแผนสำรองหรือเปล่า?
คำตอบของคำถามพวกนี้แหละ…คือคำตอบว่าคุณควรใช้ “มือหนึ่ง” หรือ “มือสอง”
ไม่ผิดถ้าคุณจะเริ่มจากมือสอง
แต่ต้องรู้ให้ทัน รู้ให้ครบเรื่องความเสี่ยงที่มีมาด้วยกัน เครื่องกดน้ำหวานมือ 2 ไม่ได้แย่ — ถ้าคุณซื้อจากที่ไว้ใจได้ และรู้ว่าจะต้องทำอย่างไรถ้ามันมีปัญหา
ส่วนเครื่องมือหนึ่งก็ไม่ใช่ต้องซื้อทุกร้าน แต่ถ้าคุณกำลังจะเปิดร้านจริงจังในทำเลที่มีคนเดินเยอะ ขายทุกวัน ไม่อยากเสียลูกค้าเพราะน้ำไม่เย็นหรือน้ำรั่วมันอาจจะเป็นการลงทุนที่ “จ่ายแพงครั้งเดียว แต่สบายยาว”
ถ้าคุณตัดสินใจเลือก “เครื่องมือหนึ่ง” — เลือก DTM
หากคุณตัดสินใจแล้วว่าเครื่องกดน้ำหวานมือ 1 คือสิ่งที่เหมาะกับร้านคุณมากที่สุด
อย่าลืมเลือกแบรนด์ที่ ไม่ใช่แค่ขายเครื่องให้จบๆ ไป แต่จะคอยดูแลคุณต่อหลังการขายด้วย
DTM คือหนึ่งในตัวเลือกที่เราต้องแนะนำ เพราะเราไม่ได้มีแค่เครื่องกดน้ำหวานอย่างเดียว
แต่ยังมีบริการครบเครื่องแบบที่เจ้าของร้านสบายใจได้เลยว่า “ซื้อแล้วไม่โดนทิ้ง”
✅ มีบริการจัดส่งทั่วประเทศ
✅ มีช่างพร้อมช่วยดูแลติดตั้งและให้คำปรึกษา
✅ มีอะไหล่รองรับ พร้อมเปลี่ยน ไม่ต้องรอจากต่างประเทศ
✅ และยังมี ผงชงเครื่องดื่มรสต่างๆ ให้เลือกใช้ในราคาย่อมเยาอีกด้วย
พูดง่ายๆ คือ ไม่ต้องวิ่งหาของหลายเจ้าให้วุ่นวาย — ซื้อกับ DTM ครบจบในที่เดียวผ่านช่องทาง ดังนี้:
- Facebook Fanpage: https://www.facebook.com/dtm.machines
- Line Official Account: https://lin.ee/nnztVaJ
ทีมงาน DTM ยินดีให้คำปรึกษาและตอบทุกข้อสงสัย เพื่อให้คุณได้เครื่องกดน้ำหวานที่ตรงกับความต้องการและงบประมาณของคุณมากที่สุด