
ถ้าคุณกำลังคิดจะลงทุนกับ เครื่องกดน้ำหวาน คำถามแรก ๆ ที่น่าจะผุดขึ้นมาในหัวคือ “แล้วมันเหมาะกับร้านแบบเราหรือเปล่า?” จริง ๆ แล้วเครื่องกดน้ำหวานไม่ได้มีไว้ใช้แค่ในร้านใหญ่ ๆ เท่านั้น แต่ยังเหมาะกับหลายประเภทร้านที่ต้องการเสิร์ฟเครื่องดื่มให้ลูกค้าได้สะดวก รวดเร็ว และดูเป็นมืออาชีพขึ้นมาทันที
ลองมาดูกันว่าร้านแบบไหนบ้างที่เหมาะกับการมีเครื่องกดน้ำหวานติดร้านไว้

1) ร้านขายน้ำในโรงเรียน
สภาพการใช้งานจริง: มีเวลาเร่งด่วนชัดเจน (พักกลางวัน เลิกเรียน) ลูกค้าเป็นกลุ่มเด็ก/นักเรียน มีคิวเป็นช่วงสั้น ๆ แต่หนาแน่น
เป้าหมายเจ้าของร้าน: เสิร์ฟเร็ว ราคาถูก ต้นทุนคงที่ ดูแลง่าย
แนะนำรุ่น:
- 2×9L (18 L) — เหมาะกับโรงเรียนขนาดเล็ก (นักเรียน <200 คน) เพราะจุพอสำหรับช่วงพีค (ประมาณ 30–50 แก้วต่อการเติมเครื่องดื่ม 1 ครั้ง) และกินพื้นที่น้อย ราคาถูกสุด (19,000)
- 4×9L (36 L) — เหมาะสำหรับโรงเรียนขนาดกลางที่มีนักเรียนมากกว่า 200 คน หรือมีลูกค้าเยอะในช่วงพัก ช่วยลดการเติมบ่อย (≈101 แก้วสำหรับไซซ์ 12oz)
ด้านการใช้งานต่างๆ:
- ความรวดเร็วเป็นสิ่งสำคัญ เพราะเด็กๆไม่ชอบรอ เครื่องกดจะช่วยให้ refill รวดเร็วและสม่ำเสมอ
- ควรตั้งเครื่องในจุดที่เด็กสามารถเห็นตัวเครื่องได้ชัดเจน มีถาดรองน้ำหกและป้ายแสดงเครื่องดื่มชัดเจน
- การจัดการ: เติมน้ำและเช็กตัวเครื่องภายในเวลาเช้า/ก่อนพัก, ล้างหัวกด-ท่อทุกวันก่อนปิดร้านเพื่อความสะอาด

2) ฟู้ดทรัค (Food Truck)
สภาพการใช้งานจริง: พื้นที่จำกัด เคลื่อนที่ได้ ลูกค้ามักมาซื้อเป็นชุดพร้อมอาหาร ต้องเสิร์ฟเร็วในงาน/ถนนคนเดิน
เป้าหมายเจ้าของ: เคลื่อนย้ายสะดวก ใช้พื้นที่น้อย เสิร์ฟเร็ว เพิ่มมูลค่าเซ็ตอาหาร
แนะนำรุ่น:
- 2×9L (18 L) — ตัวเลือกยอดนิยมสำหรับฟู้ดทรัค เพราะขนาดกะทัดรัด (พอเสิร์ฟในงานเล็ก–กลาง) และใช้งานพื้นที่จำกัด
- 4×9L ถ้ารถมีช่องเก็บกว้าง และมักตั้งคงที่ในงานที่ลูกค้าแน่นหนา (ตลาดนัดใหญ่/อีเวนต์)
ด้านการใช้งานต่างๆ:
- พื้นที่บนฟู้ดทรัคมีจำกัด — 2โถ 9L จะใช้พื้นที่น้อยกว่า
- เวลางานอีเวนต์ ลูกค้าไหลมาเร็ว: เครื่องช่วยให้ขายเป็นเซ็ต (อาหาร+น้ำ) ได้ง่าย
- การจัดการพลังงาน — ตรวจสอบแหล่งจ่ายไฟที่เครื่องกดน้ำแต่ละรุ่นต้องการให้ดี เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาภายหลัง

3) ร้านอาหาร (ร้านนั่งทาน)
สภาพการใช้งานจริง: ลูกค้านั่งทานเป็นกลุ่ม เน้นบริการเป็นหลัก ต้องมีพนักงานเสิร์ฟคอยเติมเครื่องดื่มหรือบางร้านก็ให้ลูกค้าเติมเองได้
เป้าหมายเจ้าของ: พัฒนาประสบการณ์ที่ลูกค้าจะได้รับ, ลดภาระพนักงาน, ควบคุมต้นทุนให้ต่ำ
แนะนำรุ่น:
- 3×18L (54 L) — เหมาะกับร้านที่มีที่นั่ง 50 คนขึ้นไป หรือมีอัตราลูกค้าเข้า-ออกสูง เพราะความจุใหญ่ ลดปัญหาการต้องเติมน้ำบ่อย (≈152 แก้ว ต่อเติมสำหรับ 12oz)
- 2×18L (36 L) หรือ 4×9L (36 L) — เหมาะกับร้านขนาดกลาง (รองรับ 20–50 ที่นั่ง) เครื่อง 4 โถจะช่วยเพิ่มหลากหลายให้กับเมนูน้ำได้เป็นอย่างดี
ด้านการใช้งานต่างๆ:
- ร้านอาหารมักมีเมนูนํ้าชัดเจน (เช่น น้ำเก๊กฮวย ชามะนาว ฯลฯ) — การมีหลายโถจะช่วยเพิ่มตัวเลือกของลูกค้าให้หลาย
- ลดภาระพนักงานเสิร์ฟที่ต้องวิ่งเติมแก้วบ่อยๆ ซึ่งจะทำให้พนักงานมีเวลาดูแลการบริการอื่น ๆ มากขึ้น
- เพิ่มความเป็นมืออาชีพให้กับร้านเมื่อติดตั้งเครื่องบนเคาน์เตอร์น้ำรีฟิลที่สวยงาม แถมยังทำให้ดูแลเรื่องความสะอาดได้ง่ายขึ้นอีกด้วย

4) ร้านบุฟเฟ่ต์
สภาพการใช้งานจริง: ปริมาณลูกค้าสูงต่อรอบ ลูกค้าต้องการรีฟิลน้ำเอง เครื่องต้องรองรับการใช้งานหนักอย่างต่อเนื่อง
เป้าหมายเจ้าของ: รองรับจำนวนลูกค้าสูงสุดในช่วงพีค, ควบคุมต้นทุน, มอบประสบการณ์การรีฟิลเครื่องดื่มที่สะดวกสบายแก่ลูกค้า
แนะนำรุ่น:
- 3×18L (54 L) — ตัวเลือกดีที่สุดสำหรับบุฟเฟ่ต์ที่มีลูกค้าต่อรอบ 80–150 คน (ให้ความจุสูงสุดและหลากหลายรส)
- 4×9L (36 L) — เหมาะกับบุฟเฟ่ต์ขนาดกลางที่เน้นความหลากหลายของรส (4 รส) แต่ปริมาณรวมเท่ากับ 2×18L
ด้านการใช้งานต่างๆ:
- บุฟเฟ่ต์ต้องการ setup แบบ self-service ที่ลูกค้ากดน้ำเองได้ตลอดเวลา — ลดภาระพนักงานและปัญหาเรื่องการต่อคิวยาว
- ความจุเป็นปัจจัยสำคัญ: 54 L (3×18L) ช่วยลดจำนวนครั้งที่ต้องเติมเครื่องดื่ม และทำให้ลูกค้าลื่นไหล
- ควบคุมต้นทุน: โถที่มีจำนวนความจุระบุชัดเจนช่วยให้คำนวณต้นทุนได้ง่ายและลดการสูญเสีย
หรือหากคุณต้องการสั่งซื้อเครื่องกดน้ำแบบที่ไม่ต้องวิ่งหาของหลายเจ้าให้วุ่นวาย — ซื้อกับ DTM ครบจบในที่เดียวผ่านช่องทาง ดังนี้:
- Facebook Fanpage: https://www.facebook.com/dtm.machines
- Line Official Account: https://lin.ee/nnztVaJ
ทีมงาน DTM ยินดีให้คำปรึกษาและตอบทุกข้อสงสัย เพื่อให้คุณได้เครื่องกดน้ำหวานที่ตรงกับความต้องการและงบประมาณของคุณมากที่สุด