
เครื่องกดน้ำหวานเป็นอุปกรณ์สำคัญสำหรับธุรกิจร้านอาหาร โรงแรม หรือแม้แต่สำนักงาน ช่วยให้ลูกค้าและพนักงานสามารถดับกระหายได้อย่างสะดวกสบาย และหนึ่งในส่วนประกอบสำคัญที่ทำให้เครื่องกดน้ำหวานทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพคือ สารทำความเย็น ซึ่งมีหน้าที่ดูดซับความร้อนและทำให้น้ำหวานเย็นสดชื่น สารทำความเย็นที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายคือ R134a ในบทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับสารทำความเย็นตัวนี้ในเครื่องกดน้ำหวาน รวมถึงวิธีการดูแลรักษาเบื้องต้นเพื่อให้เครื่องทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน
R134a คืออะไร? ทำไมถึงนิยมใช้ในเครื่องกดน้ำหวาน?
R134a เป็นสารทำความเย็นประเภท Hydrofluorocarbon (HFC) ซึ่งถูกนำมาใช้ทดแทนสารทำความเย็นรุ่นเก่าที่มีคุณสมบัติคล้ายกันอย่าง R12 แต่มีผลกระทบต่อชั้นโอโซนน้อยกว่า นอกจากนั้นมันยังมีคุณสมบัติทางกายภาพและทางเคมีที่เหมาะสมสำหรับการใช้งานในระบบทำความเย็นขนาดเล็กถึงขนาดกลาง เช่น ในตู้เย็น ตู้แช่ และเครื่องกดน้ำหวาน
ข้อดีของการใช้ R134a ในเครื่องกดน้ำหวาน:
- ประสิทธิภาพการทำความเย็นที่ดี: สามารถดูดซับความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้น้ำหวานเย็นได้อย่างรวดเร็วและสม่ำเสมอ
- ความปลอดภัยสูง: ไม่ติดไฟและมีความเป็นพิษต่ำ ทำให้ปลอดภัยต่อการใช้งานในสภาพแวดล้อมต่างๆ
- ไม่ทำลายชั้นโอโซน: เป็นสารทำความเย็นที่ไม่ปล่อยสาร CFCs หรือ HCFCs ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการทำลายชั้นโอโซน
- ความเข้ากันได้กับวัสดุ: เข้ากันได้กับวัสดุที่ใช้ในการผลิตระบบทำความเย็นส่วนใหญ่
- มีราคาที่สมเหตุสมผล: เมื่อเทียบกับสารทำความเย็นทางเลือกอื่นๆ R134a ยังคงมีราคาที่เข้าถึงได้ง่ายยิ่งกว่า
วิธีการดูแลรักษาระบบทำความเย็นในเครื่องกดน้ำหวาน:
- ตรวจสอบระดับสารทำความเย็น: ควรตรวจสอบระดับสารทำความเย็นเป็นประจำ หากพบว่าระดับลดลง อาจมีการรั่วไหลในระบบ ควรรีบติดต่อช่างผู้ชำนาญเพื่อตรวจสอบและแก้ไข
- ตรวจสอบรอยรั่ว: สังเกตหาร่องรอยของน้ำมันบริเวณข้อต่อและท่อต่างๆ ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของการรั่วไหลของสารทำความเย็น
- ทำความสะอาดแผงระบายความร้อน: แผงระบายความร้อนที่สกปรกจะทำให้การระบายความร้อนไม่ดี ส่งผลให้คอมเพรสเซอร์ทำงานหนักขึ้น ควรทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ
- ตรวจสอบการทำงานของคอมเพรสเซอร์: ฟังเสียงการทำงานของคอมเพรสเซอร์ หากมีเสียงดังผิดปกติ หรือคอมเพรสเซอร์ทำงานตลอดเวลาโดยไม่ตัด อาจมีปัญหาเกิดขึ้น
- ตรวจสอบและทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศ (ถ้ามี): แผ่นกรองอากาศที่สกปรกจะขัดขวางการไหลเวียนของอากาศ ทำให้ประสิทธิภาพการทำความเย็นลดลง
- บำรุงรักษาตามระยะเวลา: ควรมีการบำรุงรักษาเครื่องกดน้ำหวานตามคำแนะนำของผู้ผลิต หรืออย่างน้อยปีละครั้ง โดยช่างผู้ชำนาญ
- หลีกเลี่ยงการติดตั้งเครื่องในบริเวณที่มีความร้อนสูง: การติดตั้งเครื่องในบริเวณที่มีแสงแดดส่องถึงโดยตรง หรือใกล้แหล่งความร้อน จะทำให้เครื่องทำงานหนักขึ้น
สัญญาณที่บ่งบอกว่าระบบทำความเย็นในเครื่องกดน้ำหวานอาจมีปัญหา:
- น้ำหวานไม่เย็นเหมือนเดิม
- เครื่องใช้เวลานานกว่าปกติในการทำความเย็น
- มีเสียงดังผิดปกติจากคอมเพรสเซอร์
- คอมเพรสเซอร์ทำงานตลอดเวลาโดยไม่ตัด
- พบบริเวณที่มีน้ำมันรั่วซึมจากตัวเครื่อง
หากคุณพบสัญญาณเหล่านี้ ควรรีบติดต่อช่างผู้ชำนาญเพื่อตรวจสอบและแก้ไขโดยเร็วที่สุด
อนาคตของสารทำความเย็นในเครื่องกดน้ำหวาน:
แม้ว่า R134a จะเป็นสารทำความเย็นที่นิยมใช้ในปัจจุบัน แต่ด้วยความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อภาวะโลกร้อน ทำให้มีการพัฒนาสารทำความเย็นทางเลือกใหม่ๆที่มีค่าในการทำให้เกิดภาวะโลกร้อน (GWP) ต่ำกว่า เช่น R290 (โพรเพน) และ R600a (ไอโซบิวเทน) จึงทำให้เราอาจเห็นการเปลี่ยนไปใช้สารทำความเย็นเหล่านี้มากขึ้นในเครื่องกดน้ำหวานในอนาคต
สรุป
สารทำความเย็น R134a มีบทบาทสำคัญในการทำให้เครื่องกดน้ำหวานทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ การทำความเข้าใจคุณสมบัติและการดูแลรักษาระบบทำความเย็นอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้เครื่องกดน้ำหวานของคุณทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ประหยัดพลังงาน และมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน หากพบความผิดปกติใดๆ ควรรีบติดต่อช่างผู้ชำนาญเพื่อตรวจสอบและแก้ไข เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจลุกลามและเสียค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมที่สูงขึ้น
หรือถ้าคุณอยากได้เครื่องกดน้ำหวานที่มีช่างพร้อมดูแลตลอดปี เราก็ต้องขอแนะนำ DTM ที่มีบริการทั้งตัวเครื่อง ทีมช่าง และผงชงเครื่องดื่มให้ครบ จบในที่เดียว